วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ร.10 ทรงชื่นชม นร.จิตอาสา พระราชทานกระปุกออมสิน


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ นำดอกไม้พระราชทานมอบให้กับ ผอ.โรงเรียนวังไกลกังวล และกระปุกออมสินพระราชทานให้กับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสา
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.60 ที่ห้องประชุมโรงเรียนวังไกลกังวล (ฝ่ายมัธยม) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.กัลย์สรรค์ จันทรเสน เป็นผู้แทนพระองค์นำดอกไม้พระราชทานมอบให้กับ ดร.ราตรี ศรีไพรวรรณ ผอ.โรงเรียนวังไกลกังวล และกระปุกออมสินพระราชทานให้กับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสาจำนวนทั้งสิ้น 88 คน
พล.ต.กัลย์สรรค์ กล่าวว่า ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงทราบ และชื่นชมนักเรียนจิตอาสาที่ใช้เวลาว่างในวันหยุดช่วยเป็นล่ามแปลภาษาต่างประเทศให้กับนักท่องเที่ยวขอให้นักเรียนทำความดีนี้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอให้ทางโรงเรียนได้สนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้พระองค์ท่านได้พระราชทานกระปุกออมสินให้กับนักเรียนจิตอาสาเพื่อเป็นกำลังใจ และขอให้รักษาความดีที่ได้ทำไว้ตลอดไป
สำหรับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสา เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 – 6 โรงเรียนวังไกลกังวลหมุนเวียนไปช่วยเป็นล่ามแปลจำนวน 5 ภาษา มีอังกฤษฝรั่งเศส จีน เยอรมัน และญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่จะมาติดต่องานด้านเอกสาร และเสียค่าปรับทำผิดกฎหมายจราจรวันละหลายราย ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่สภ.หัวหิน ตั้งแต่เวลา 08.00 –16.00 น.โดยมีครูพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำในการสื่อสาร สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ในหลวง ร.10' สานต่อพระราชดำริ 'เสด็จพ่อ' แปลคัมภีร์อัลกุรอาน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ชาวมุสลิมไม่เคยลืมเลือน


กว่า 50 ปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสให้จุฬาราชมนตรี นำพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม มาแปลความหมายเป็นภาษาไทย กระทั่งพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับแปลไทย เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวไทยมุสลิมคนรุ่นหลังได้รู้ความหมายคัมภีร์สำคัญของศาสนา เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวัน
ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนการละหมาดเป็นหนึ่งในพิธีสำคัญที่พวกเขาทำทุกวันเพราะนี่เป็นการประกอบกิจบูชาสักกาพระระอัลลอฮฺ ด้วยการอ่านบทสรรเสริญ และการวิงวอน ไม่ได้มีเพียงพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เท่านั้น  ที่จำเป็นต่อชาวไทยมุสลิมส่วนการศึกษาคำสอนจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญทางศาสนาอิสลามก็มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศไทยเช่นกัน นิมู มากาเจ เล่าให้เราฟังว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริว่าพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นคัมภีร์สำคัญทางศาสนาอิสลาม และเป็นวรรณกรรมที่สำคัญของโลกเรื่องหนึ่งซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายหากมีการแปลความหมายเป็นภาษาไทยด้วยก็จะช่วยให้ชาวไทยมุสลิมที่ไม่รู้ภาษาอาหรับหรือไม่ก็คนไทยที่สนใจสามารถศึกษาคำสอนของศาสนาอิสลามได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
อดีตล่ามที่เคยถวายงานให้กับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังเล่าให้ฟังอีกว่า  พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ นาย ต่วน สวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรีในสมัยนั้น แปล และขยายความพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานจากภาษาอาหรับให้เป็นภาษาไทย ก่อนจะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการจัดพิมพ์พระมหาคัมภีร์อัลกุละอานเผยแพร่ในระยะแรกกระทั่งเป็นพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแปลไทยต้นแบบ
ปัจจุบันชาวไทยมุสลิมได้ใช้ประโยชน์จากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย อันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไว้เป็นหลักคำสอนให้ทุกคนได้ปฏิบัติตนเป็นคนดีตามหลักของศาสนา โดยชาวไทยมุสลิมทุกคนต่าง  รำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หาที่สุดมิได้
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 มีรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  มีกำหนดจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดปัตตานี ในวันที่ (14 พฤศจิกายน) เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในการพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกุรณาโปรดเกล้าฯ เดิมไว้ให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี 2558 รวมทั้งผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558 ที่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ ถือเป็นพระราชกรณียกิจต่อเนื่องจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม โดยครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดำรัสให้แปลคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทย และวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2511 เป็นวันแรกที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับความหมายภาษาไทยได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นถวาย และได้พระราชทานแก่มัสยิดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสในงานเฉลิมฉลอง 14 ศตวรรษแห่งอัลกุรอานไว้ว่า คัมภีร์อัลกุรอาน มิใช่จะเป็นคัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังเป็นวรรณกรรมสำคัญของโลกเล่มหนึ่งซึ่งมหาชนรู้จักยกย่อง และได้แปลเป็นภาษาต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย

ในหลวง ร.10 สมัยทรงเป็นนักเรียนนายร้อยและภาพในสมรภูมิ


 ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิตจะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถและโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่
เป็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในวันสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ เพื่อเป็นรัชทายาทสืบสันตติวงศ์
ภาพที่ได้เห็นกันนี้ คือภาพของพระองค์ ครั้นเมื่อยังทรงเป็นนักเรียนนายร้อย และภาพในสมรภูมิรบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยนี้ ราชวงศ์ได้สร้างคุณงามความดีไว้มากเพียงใด และรักปวงชนชาวไทยมากแค่ไหน นับแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีอุปนิสัยโปรดความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพอยู่เสมอ ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่างๆ ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ของทหารและตำรวจเป็นนิจ ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จฯ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในอดีต) เสด็จจากประเทศอังกฤษไปทรงศึกษาต่อวิชาการทหารณ ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ทรงเข้าศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงศึกษาอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔ ต่อมาพุทธศักราช ๒๕๑๕ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลียนับตั้งแต่ภาคแรกแห่งการศึกษาเป็นต้นไป
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระวิริยอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ด้านการทหารอยู่ตลอดเวลา โดยหลังสิ้นสุดการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ และทรงศึกษางานทางการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนกระทรวงกลาโหม ทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวนและต้นหนชั้นสูง หลักสูตรส่งทางอากาศ รวมถึงหลักสูตรการบินอื่นอีกด้วย
กาลเวลาได้ลุล่วงไป จนเป็นที่ประจักษ์ว่า พระองค์ได้ทรงยึดมั่นในพระปฏิญญาทรงพระวิริยอุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยมิย่อท้อ