วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ร้อย.ปจว.4 ฝึก อส.เมืองคอน เพิ่มทักษะการตั้งด่านตรวจ และท่ามือเปล่าระเบียบวินัยที่ดี



เมื่อ 30 ส.ค. 61 ชุดครูฝึกจากกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่4 เร่งฝึกทบทวนการตั้งด่านที่ถูกวิธี และท่ามือเปล่า ระเบียบวินัยที่ถูกต้อง ให้กับกองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ หอประชุมเมืองเทศบาลนครนครศรีธรรมราช (ทุ่งท่าลาด) อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ชุดกองร้อยอาสารักษาดินแดน สามารถสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของ ทหาร ตำรวจ ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา และสามารถกลับไปปฏิบัติงาน เพื่อเป็นกำลังหลักในการรักษาความปลอดภัยประชาชน สถานที่ เส้นทาง ในตำบล หมู่บ้าน ของตนเอง
    ร.อ.สมรัฐ สาระจิตต์ ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา ที่ 4 กล่าวว่า สำหรับการฝึกกองร้อยอาสาสมัครรักษาดินแดนครั้งนี้ จะเน้นวิชา การตรวจค้น การตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ร่วมกับหน่วยกำลังในพื้นที่ สามารถปฏิบัติงานได้ดี มีระเบียบวินัย และสนับสนุนกำลังของ ตำรวจ ทหาร ได้ในระดับหนึ่ง การป้องกันตนเองเพื่อลดการสูญเสีย และสามารถนำกลับไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามภารกิจของแต่ละคนได้

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ร้อย.ปจว.4 จัดแข่งกีฬาเชื่อมสายสัมพันธ์ภายในหน่วย


เมื่อ15ส.ค.61 ร้อย.ปจว.4 นำโดย ร.อ.สมรัฐ สาระจิตต์ ผบ.ร้อย.ปจว.4 พร้อมด้วยกำลังพลภายในหน่วย จัดกิจกรรมสายสัมพันธ์ภายในหน่วย โดยแข่งขันกีฬาฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนายทหาร, นายสิบ และพลทหาร สร้างความสุขแก่น้องๆพลทหาร ที่ได้ลงเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผลการแข่งขันพลทหารชนะ/นายทหารนายสิบ 3 –1ทั้งนี้ได้จัดเตรียมอาหาร-เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำส้ม น้ำแข็งไว้บริการ อีกหนึ่งของความบันเทิง สายสัมพันธ์ที่ ร้อย.ปจว.4 มอบให้พี่ๆ น้องๆ ร่วม กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่4 เรื่อยมา

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ชุด ปชว./ปชส.ร้อย.ปจว.4 พัฒนาสัมพันธ์กับประชาชน


เมื่อ 10 ส.ค.61 ชุด ปจว./ปชส.402(ร้อย.ปจว.4) เข้าพบปะพัฒนาสัมพันธ์ กับประชาชน หลังเสร็จละหมาดวันศุกร์ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ นำนโยบายประชารัฐของรัฐบาล และ คสช.รวมถึงโครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการลดภาระหนี้ พร้อมกับชี้แจ้งทำความเข้าใจขอความร่วมมือให้ช่วยกันสอดส่องดูแลชุมชน เกี่ยวกับภัยแทรกซ้อนตามพื้นที่แนวชายแดน เช่น การลักลอบนำเข้าสิ้นค้าหนีภาษี การลักลอบค้ายาเสพติด แรงงานต่างด้าว และการให้ที่พักอาศัยหลบซ่อนผู้ก่อความไม่สงบ 3 จชต. โดยมี โต๊ะอิหม่าม และประชาชนให้การต้อนรับ ณ มัสยิดบ้านดูสน ม.5 ต.ควนโดน อ.ควนโดย จ.สตูล

ร้อย.ปจว.4 นำกำลังพลจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจ บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล



เมื่อ 15 ส.ค.61 ร.อ.สมรัฐ สาระจิตต์ ผบ.ร้อย.ปจว.4 ได้นำกำลังพลจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ จัดทำกิจกรรม บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561   กำลังพลจิตอาสา ร้อย.ปจว.4 ร่วมทำความสะอาด ณ วัดโบสถ์ ต.ปากพูนใต้ อ.ท่าแพ จ.นครศรีธรรมราช โดยการ ใช้เครื่องตัดหญ้า, กวาดขยะ และตัดกิ่งไม้ พื้นที่โดยรอบบริเวณลานวัด เก็บกวาด กำจัดขยะ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม ทั้งนี้เพื่อ ให้บริเวณลานวัดดังกล่าว สะอาด สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย และ ปลูกจิตสำนึกที่ดีให้กับกำลังพลของหน่วย และที่ผ่านมา ร้อย.ปจว.4 ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมจิตอาสามาอย่างต่อเนื่อง

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2561

คนไทยเก็บภาพประวัติศาสตร์ในหลวง ร.10ทรงราชย์ ซื้อหนังสือพิมพ์เกลี้ยงแผง


ประชาชนชาว จ.ชัยนาท ทั้งในเมืองนอกเมือง แห่มารอซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับประวัติศาสตร์ วันขึ้นครองราชย์รัชกาลที่ 10 เจ้าของร้านสั่งเพิ่ม 5 เท่าของยอดขายปกติไม่ถึงเที่ยงเกลี้ยงแผง...
เช้าเมื่อ 2 ธ.ค.59 ประชาชนชาว จ.ชัยนาท ทั้งในตัวอำเภอเมือง และอำเภอข้างเคียง ทยอยออกมาหาซื้อหนังสือพิมพ์รายวันฉบับต่างๆ ที่หน้า 1 วันนี้ ได้ตีพิมพ์ภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามกุฎราชกุมาร ทรงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี หลังจากที่คณะบุคคลที่นำโดยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้กราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์ เมื่อคืนวันที่ 1 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ชาวบ้านที่มาซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับประวัติศาสตร์ บอกว่าต้องการที่จะซื้อหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้ เป็นที่ระลึกแห่งความจงรักภักดีในการเปลี่ยนรัชกาล ซึ่งหลายคนบอกว่าคงไม่มีโอกาสอีกแล้วในชีวิตนี้ที่จะได้ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์แบบนี้
ในโอกาสมหามงคลเช่นนี้ หนังสือพิมพ์ทุกหัวต่างตีพิมพ์ภาพประวัติศาสตร์ไว้บนหน้า 1 ของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งภาพหน้าใน และจากการคาดการณ์ว่าจะมีประชาชนมาหาซื้อจำนวนมาก ทางร้านขายหนังสือพิมพ์จึงสั่งหนังสือพิมพ์เพิ่ม
จากยอดขายปกติถึง 5 เท่า คาดว่าหนังสือพิมพ์ทั้งหมดที่สั่งมาจะใช้เวลาไม่เกินเที่ยงวันของวันนี้ จะมีคนมาซื้อจนหมดเกลี้ยงแผงแน่นอน
นายไสว แสงทอง อายุ 56 ปี เปิดเผยว่า ในส่วนตัวนั้น รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว แม้ว่าตนจะรักเคารพพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 มาก จนในใจคิดว่าพ่อหลวงยังไม่จากเราไปไหน ถึงอย่างไรก็ตามประเทศจะขาดพระราชาไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้วไม่ว่าจะรัชกาลใด ถ้าเราเกิดเป็นคนไทย ก็จะต้องเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้า เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้คนต่างชาติเห็นว่า เราคือคนไทย.

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2561

การสลาม จับมือในทัศนะอิสลาม


การสัมผัสมือของคนศาสนาอิสลามมีหมายความว่าอย่างไรและสัมผัสแล้ว บางคนก็แตะมือที่หน้าอก บางคนก็รูปที่ใบหน้าตนเอง?
คำตอบ : การสัมผัสมือของชาวมุสลิม(ผู้นับถือศาสนาอิสลาม) เป็นการทักทายกัน
เมื่อมุสลิมพบปะกันจะกล่าวสลามซึ่งกันและกันและสัมผัสมือกัน เพราะเป็นแนวทางของท่านรอซูลศ็อลลัลลอฯ(ศาสดามูฮัมหมัด) ได้มีแบบอย่างไว้ ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้
1.เมื่อพบปะกันให้ทักทายกัน ว่า “อัสลามมุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุลลอฮิวะบะรอกาตุฮฺ” หรือสลามกันสั้นๆว่า “อัสลามมุอะลัยกุม” ความหมายก็คือว่า “ขอสันติสุข,ความเมตตาปรานีและความเป็นสิริมงคลจากพระองค์อัลลอฮฺจงมีแด่ท่าน”
2.ผู้ถูกทักทายให้กล่าวตอบ “วะอะลัยกุมมุสลามวะเราะหฺมะตุลลอฮิ วะบะรอกาตุฮฺ” หรือที่กล่าวกันสั้นๆว่า “วะอะลัยกุมุสลาม” ก็มีความหมายว่า “ขอความสันติสุข,ความเมตตาปรานีและความเป็นสิริมงคลจากพระองค์อัลลอฮฺ จงมีแด่ท่านเช่นกัน”
3.เด็กกล่าวสลามแก่ผู้ใหญ่
4.คนเดินกล่าวสลามแก่คนนั่ง
5.ผู้ที่ขี่พาหนะกล่าวสลามแก่คนเดิน
6.คนจำนวนน้อยกล่าวสลามแก่คนจำนวนมาก
7.กล่าวสลามเมื่อเข้าไปในที่ประชุม และเมื่อออกจากที่ประชุม
8.ไม่กล่าวสลามแก่ผู้ที่ละหมาด หรือผู้ที่กำลังรับประทานอาหาร ผู้ที่อยู่ในห้องน้ำ

9.ในการสัมผัสมือ ให้ผู้ชายสัมผัสมือกับผู้ชาย และผู้หญิงสัมผัสมือกับผู้หญิง ขณะสัมผัสมือให้กล่าวว่า “อัลลอฮุมม่า ศ็อลลิอะลา มูฮัมหมัด (โอ้อัลเลาะห์ ขอพระองค์ทรงประทานพรแด่ท่านนบีมูฮัมหมัด)”
ไม่อนุญาตให้ผู้ชายและผู้หญิงสัมผัสมือกัน นอกจากจะเป็นญาติพี่น้องที่แต่งงานกันไม่ได้
10.สัมผัสมือกันด้วยมือขวา
11.ไม่รีบปล่อยมือ หรือดึงมือกลับจนกว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะดึงมือกลับ หรือปล่อยมือ
นี่คือมารยาทพื้นฐานในการทักทายกันของอิสลามด้วยกันเท่านั้น คนที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามถ้ากล่าวคำทักทายอย่างนี้กับคนอิสลาม จะเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับคนอิสลาม
- ส่วนเรื่องการจับมือแล้วนำมือมาลูบหน้าหรือลูปที่หน้าอกนั้น ท่านรอซูลศ็อลลัลลอฮฺฯ ไม่ได้มีแบบอย่างไว้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องของอาดัต(ประเพณี) ที่มุสลิมกระทำเพื่อให้เกียรติต่อกัน บางครั้งการจับมือสลามนั้นผู้น้อยจะทำการจับมือพร้อมกับจูบมือผู้อาวุโสผู้มีคุณธรรม ได้รับความสิริมงคล(บะรอกัต) จึงเอามือมาลูบหน้าหรือหน้าอกเพื่อให้การวอนขอและความสิริมงคลกลับมา(สู่ใบหน้า)

ควันหลงวันรายอ อีดิลฟิตรี2561



เมื่อ 14 มิ.ย.61 สำนักจุฬาราชมนตรีได้กำหนดให้เป็นวันดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันอีดิลฟิตรี ประจำ ฮศ.1439 ตรงกับปี พ.ศ.2561 โดยจะทำการดูดวงจันทร์ในเวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า หากมีผู้เห็นดวงจันทร์ แสดงว่า วันที่ 1 เดือนเชาวาล (วันอิดิลฟิตรี) ตรงกับวันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2561 หากไม่มีผู้เห็นดวงจันทร์ วันอิดิลฟิตรี จะตรงกับวันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2561
วันอีดิลฟิตรี
วันอีดิลฟิตรี เป็นวันฉลองการสิ้นสุดเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม โดย ชาวมุสลิมมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใสสวยงาม และส่งเสริมให้พบปะพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อทำการกล่าวขออภัยจากผู้อาวุโสกว่า หรือบุคคลที่เคยกระทำผิดไปในรอบปีที่ผ่านมา
ทำให้ประชาชนชาวมุสลิมเริ่มเตรียมตัว ออกไปจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับใหม่ เพื่อนำไปสวมใส่ในวันอีดิลฟิตรี อย่างเช่นประชาชนละแวกเทศบาลนครยะลา ที่มีพี่น้องประชาชนเดินทางไปเลือกซื้อสร้อยทองคำ เสื้อผ้า ผ้าโสร่ง รองเท้า เสื้อโตป หมวกกาปีเยาะ ซึงเป็นเครื่องแต่งกายแบบมุสลิม
ถึงแม้การจับจ่ายใช้สอยจะดูคึกคัก แต่เจ้าของร้านค้าหลายแห่ง ให้ข้อมูลว่า ในปีนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคายางตกต่ำ ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ร.10 ทรงชื่นชม นร.จิตอาสา พระราชทานกระปุกออมสิน


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ นำดอกไม้พระราชทานมอบให้กับ ผอ.โรงเรียนวังไกลกังวล และกระปุกออมสินพระราชทานให้กับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสา
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.60 ที่ห้องประชุมโรงเรียนวังไกลกังวล (ฝ่ายมัธยม) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.กัลย์สรรค์ จันทรเสน เป็นผู้แทนพระองค์นำดอกไม้พระราชทานมอบให้กับ ดร.ราตรี ศรีไพรวรรณ ผอ.โรงเรียนวังไกลกังวล และกระปุกออมสินพระราชทานให้กับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสาจำนวนทั้งสิ้น 88 คน
พล.ต.กัลย์สรรค์ กล่าวว่า ในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงทราบ และชื่นชมนักเรียนจิตอาสาที่ใช้เวลาว่างในวันหยุดช่วยเป็นล่ามแปลภาษาต่างประเทศให้กับนักท่องเที่ยวขอให้นักเรียนทำความดีนี้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอให้ทางโรงเรียนได้สนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้พระองค์ท่านได้พระราชทานกระปุกออมสินให้กับนักเรียนจิตอาสาเพื่อเป็นกำลังใจ และขอให้รักษาความดีที่ได้ทำไว้ตลอดไป
สำหรับนักเรียนล่ามแปลจิตอาสา เป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 – 6 โรงเรียนวังไกลกังวลหมุนเวียนไปช่วยเป็นล่ามแปลจำนวน 5 ภาษา มีอังกฤษฝรั่งเศส จีน เยอรมัน และญี่ปุ่นให้กับนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่จะมาติดต่องานด้านเอกสาร และเสียค่าปรับทำผิดกฎหมายจราจรวันละหลายราย ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่สภ.หัวหิน ตั้งแต่เวลา 08.00 –16.00 น.โดยมีครูพี่เลี้ยงคอยช่วยแนะนำในการสื่อสาร สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ในหลวง ร.10' สานต่อพระราชดำริ 'เสด็จพ่อ' แปลคัมภีร์อัลกุรอาน ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ชาวมุสลิมไม่เคยลืมเลือน


กว่า 50 ปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสให้จุฬาราชมนตรี นำพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม มาแปลความหมายเป็นภาษาไทย กระทั่งพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับแปลไทย เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ชาวไทยมุสลิมคนรุ่นหลังได้รู้ความหมายคัมภีร์สำคัญของศาสนา เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวัน
ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนการละหมาดเป็นหนึ่งในพิธีสำคัญที่พวกเขาทำทุกวันเพราะนี่เป็นการประกอบกิจบูชาสักกาพระระอัลลอฮฺ ด้วยการอ่านบทสรรเสริญ และการวิงวอน ไม่ได้มีเพียงพิธีกรรมสำคัญต่างๆ เท่านั้น  ที่จำเป็นต่อชาวไทยมุสลิมส่วนการศึกษาคำสอนจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญทางศาสนาอิสลามก็มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศไทยเช่นกัน นิมู มากาเจ เล่าให้เราฟังว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริว่าพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นคัมภีร์สำคัญทางศาสนาอิสลาม และเป็นวรรณกรรมที่สำคัญของโลกเรื่องหนึ่งซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ อย่างแพร่หลายหากมีการแปลความหมายเป็นภาษาไทยด้วยก็จะช่วยให้ชาวไทยมุสลิมที่ไม่รู้ภาษาอาหรับหรือไม่ก็คนไทยที่สนใจสามารถศึกษาคำสอนของศาสนาอิสลามได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น
อดีตล่ามที่เคยถวายงานให้กับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังเล่าให้ฟังอีกว่า  พระองค์ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ นาย ต่วน สวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรีในสมัยนั้น แปล และขยายความพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานจากภาษาอาหรับให้เป็นภาษาไทย ก่อนจะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการจัดพิมพ์พระมหาคัมภีร์อัลกุละอานเผยแพร่ในระยะแรกกระทั่งเป็นพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานแปลไทยต้นแบบ
ปัจจุบันชาวไทยมุสลิมได้ใช้ประโยชน์จากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย อันเกิดจากพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไว้เป็นหลักคำสอนให้ทุกคนได้ปฏิบัติตนเป็นคนดีตามหลักของศาสนา โดยชาวไทยมุสลิมทุกคนต่าง  รำลึกใน พระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หาที่สุดมิได้
ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 มีรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  มีกำหนดจะเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัดปัตตานี ในวันที่ (14 พฤศจิกายน) เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในการพระราชทานถ้วยรางวัลการทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกุรณาโปรดเกล้าฯ เดิมไว้ให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณ และเงินรางวัลแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี 2558 รวมทั้งผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558 ที่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ในการเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ ถือเป็นพระราชกรณียกิจต่อเนื่องจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม โดยครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดำรัสให้แปลคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทย และวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2511 เป็นวันแรกที่พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับความหมายภาษาไทยได้ถูกจัดพิมพ์ขึ้นถวาย และได้พระราชทานแก่มัสยิดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสในงานเฉลิมฉลอง 14 ศตวรรษแห่งอัลกุรอานไว้ว่า คัมภีร์อัลกุรอาน มิใช่จะเป็นคัมภีร์ที่สำคัญในศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังเป็นวรรณกรรมสำคัญของโลกเล่มหนึ่งซึ่งมหาชนรู้จักยกย่อง และได้แปลเป็นภาษาต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย

ในหลวง ร.10 สมัยทรงเป็นนักเรียนนายร้อยและภาพในสมรภูมิ


 ข้าพเจ้าผู้เป็นสยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานไว้ด้วยชีวิตจะภักดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถและโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุข และความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่
เป็นคำถวายสัตย์ปฏิญาณ ในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในวันสถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ เพื่อเป็นรัชทายาทสืบสันตติวงศ์
ภาพที่ได้เห็นกันนี้ คือภาพของพระองค์ ครั้นเมื่อยังทรงเป็นนักเรียนนายร้อย และภาพในสมรภูมิรบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยนี้ ราชวงศ์ได้สร้างคุณงามความดีไว้มากเพียงใด และรักปวงชนชาวไทยมากแค่ไหน นับแต่ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีอุปนิสัยโปรดความมีระเบียบวินัย และสนพระราชหฤทัยในกิจการเกี่ยวกับกองทัพอยู่เสมอ ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมที่ตั้งกองทหารหน่วยต่างๆ ทรงเอาพระทัยใส่ในความเป็นอยู่ของทหารและตำรวจเป็นนิจ ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จฯ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในอดีต) เสด็จจากประเทศอังกฤษไปทรงศึกษาต่อวิชาการทหารณ ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ทรงเข้าศึกษาระดับเตรียมทหารที่โรงเรียนคิงส์ เขตพารามัตตา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทรงศึกษาอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๔ ต่อมาพุทธศักราช ๒๕๑๕ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงเข้าศึกษาวิชาการทหารชั้นสูงที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลียนับตั้งแต่ภาคแรกแห่งการศึกษาเป็นต้นไป
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระวิริยอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้ และประสบการณ์ด้านการทหารอยู่ตลอดเวลา โดยหลังสิ้นสุดการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงเข้ารับการฝึกเพิ่มเติมระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ และทรงศึกษางานทางการทหารในประเทศออสเตรเลีย โดยทุนกระทรวงกลาโหม ทรงประจำการ ณ กองปฏิบัติการทางอากาศพิเศษ การทำลายและยุทธวิธีรบนอกแบบ หลักสูตรต้นหนชั้นสูง หลักสูตรการลาดตระเวนและต้นหนชั้นสูง หลักสูตรส่งทางอากาศ รวมถึงหลักสูตรการบินอื่นอีกด้วย
กาลเวลาได้ลุล่วงไป จนเป็นที่ประจักษ์ว่า พระองค์ได้ทรงยึดมั่นในพระปฏิญญาทรงพระวิริยอุตสาหะ มุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยโดยมิย่อท้อ

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

ชมภาพ : ธนบัตรใหม่ ในรัชกาลที่ 10 ทุกชนิดราคา ทยอยใช้ 6 เมษายนนี้


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เเถลงกรณีการออกใช้ธนบัตรแบบ 17 ว่า ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10
ให้จัดพิมพ์และออกใช้ธนบัตรแบบใหม่ (แบบ 17) ทุกชนิดราคา เพื่อใช้เป็นธนบัตรหมุนเวียนทั่วไป โดยพระราชานุญาตให้นำธนบัตรแบบใหม่ออกใช้ในปีนี้ มีแนวคิดคือการเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์แห่งราชวงศ์จักรี
โดย ธนบัตรแบบ 20,50,100 บาท จะออกใช้ในวันที่ 6 เมษายน 2561 ส่วนธนบัตรชนิด 500, 1,000 บัตร จะออกใช้ในวันที่ 28 ก.ค.2561 ทั้งนี้ ธนบัตรทุกแบบที่ออกใช้ก่อนหน้านี้ยังสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

“ประชาชนต้องปลอดภัยทั่วถึงเสมอกัน” พระราชดำรัสอันทรงห่วงใยของ ในหลวงรัชกาลที่ 10


ความสุขของประชาชนคือจุดมุ่งหมาย ความทุกข์องประชาชนคือสิ่งที่ต้องแก้ไข และต้องทำอย่าเท่าเทียมทั่วถึงเสมอกัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (ในหลวงรัชกาลที่ 10) ทรงตระหนักว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนในประเทศ ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก็คือด้านสุขภาพ พระองค์จึงประกอบพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุขด้วยความมุ่งมั่นเฉกเช่นเดียวกับงานด้านอื่นๆ ที่ทรงตามรอยพระบาทของในหลวงรัชกาลที่ 9
เป็นที่ทราบกันดีกว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร (ในหลวงรัชกาลที่ 10) ทรงพระปรีชาสามารถในศาสตร์และศิลป์ทุกแขนง และทรงปฏิบัติมายาวนานตั้งแต่ก่อนทรงราชย์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการทหาร การบิน การศึกษา การต่างประเทศ และศาสนา แต่สายพระเนตรของพระองค์ก็มิเคยมองข้ามกับเรื่องพื้นฐานอย่างด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนประเทศชาติเช่นกัน
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2520 รัฐบาลได้มีดำริจัดสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชขึ้นในท้องถิ่นทุรกันดารกว่า 20 แห่ง เพื่อน้อมเกล้าถวายแด่พระองค์ อีกทั้งเป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชนชาวไทยด้วย ซึ่งพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณในการเสด็จไปวางศิลาฤกษ์ ทรงเปิดโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด้วยพระองค์เองทุกแห่ง และเสด็จไปทรงเยี่ยมพสกนิกรในท้องถิ่นทำให้ได้เห็นปัญหาความยากไร้ ความทุกข์ของชาวบ้านมากมาย จนกระทั่งทรงมีพระราชดำรัส ณ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ว่า
ทุกคนที่ทำงานให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจะต้องไม่ลืมว่า โรงพยาบาลนี้กำเนิดจากความมุ่งปรารถนาอันแรงกล้าของคนไทยทั่วราชอาณาจักร ที่ต้องการจะเห็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่นทุรกันดารทุกหนทุกแห่งได้รับความเอาใจใส่ รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ให้ปลอดภัยจากความเจ็บไข้โดยทั่วถึงเสมอหน้ากัน
นอกจากนี้ยังสนพระราชหฤทัยและห่วงใยผู้ป่วยมะเร็งอย่างมาก จากพระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่อันตรายต่อมนุษย์อย่างยิ่ง และอัตราการป่วยด้วยโรคนี้ก็ยังไม่มีท่าทีจะลดลง ไม่ว่าในประเทศที่เจริญแล้ว หรือประเทศกำลังพัฒนา จึงเป็นการแน่นอนว่ามะเร็งนั้น ไม่แต่จะเป็นโรคร้ายทำลายชีวิตมนุษย์ หากยังเป็นตัวการทำลายความสุขความเจริญทุกสิ่งของมนุษยชาติพร้อมกันไปด้วย จำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศทั้งหลาย จะร่วมมือกันปกป้องและลดอัตราการเกิดโรคนี้ลงได้